เกี่ยวกับบริษัท
ความเป็นมาของบริษัท
บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) (“FNS”) ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยในปีพ.ศ.2532 มีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท 2 ท่าน คือนายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ และนายยูจีน เดวิส โดยทั้งสองท่านมีประสบการณ์การทำงานร่วมกันที่ธนาคาร เชสแมนฮัตตัน (ประเทศไทย) มีหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายงานธุรกิจวาณิชธนกิจ(merchant banking) ของธนาคาร
ธุรกิจเริ่มแรกของ FNS เมื่อสมัยก่อตั้ง คือธุรกิจบริหารสินทรัพย์… เริ่มต้นจากการบริหารกองทุนขนาดเล็กที่มีเป้าหมายเพื่อการลงทุนโดยตรงในประเทศไทยและประเทศแถบอินโดจีน โดยพัฒนาการก้าวแรกเกิดขึ้นในปี 2534 ด้วยการเข้าซื้อกิจการในบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตสัมปทานเหมืองทองคำในประเทศเวียดนามซึ่งยังไม่เปิดดำเนินการ ทั้งนี้ การลงทุนครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในการลงทุนแรกๆจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนามหลังจากที่รัฐบาลเวียดนามนำนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจการค้าเสรีมาปรับใช้ (“Doi Moi”) โดยต่อมาภายหลัง เจ้าของสัมปทานเหมืองได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการขายกิจการให้แก่ มิสเตอร์ โรเบิร์ต ฟรีดแลนด์ ผู้ซึ่งมาขับเคลื่อนธุรกิจเหมืองทองต่อไปภายใต้ชื่อบริษัท อินโดไชน่า โกลด์ฟิลด์ จำกัด ประสบการณ์ในประเทศเวียดนามครั้งนี้ นำไปสู่การระดมทุนจัดตั้งกองทุนอีกครั้งหนึ่งชื่อ กองทุน เวียดนาม ฟรอนเทียร์ ฟันด์ ซึ่งมีมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ดำเนินการโดยบริษัทข้ามชาติ (Greenfield investments)ในประเทศเวียดนาม และตามด้วยการออกกองทุนใหม่เพื่อการลงทุนโดยตรงในภูมิภาคอินโดจีน มูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2539 ชื่อว่า กองทุน สยาม อินเวสเมนท์ ฟันด์ (“SIF”) แต่เนื่องจากเกิดเหตุวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียในปี 2540 ทำให้บรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ข้อกำหนดในการลงทุนของกองทุน SIF ต้องปรับเปลี่ยนไปเน้นการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คุณภาพสูง ที่มีภาวะปัญหาทางการเงิน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ มีมูลค่าหุ้นต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยธุรกรรมลงทุนครั้งแรกของ SIF คือการเป็นผู้ลงทุนรายหลักในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ระดมทุนเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท (ดูเพิ่มเติมจาก”การลงทุนที่ผ่านมา”) สืบเนื่องจากความสำเร็จของกองทุน SIF ที่สร้างผลตอบแทนได้ในอัตราสูงจากการสนับสนุน “เงินทุนเพื่อทางออกของธุรกิจ” “Solution Capital” ให้แก่บริษัทต่างๆ หลังจากนั้น FNS ยังเดินหน้าต่อไปด้วยการออกกองทุนใหม่ “สยาม อินเวสเม้นท์ ฟันด์ 2 แอล.พี.” มูลค่า 56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันกับกลุ่มนักลงทุน บริษัท แคปปิตอล ซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งใหม่ในเครือของกลุ่มบริษัท ซูริค (Zurich Group) มีสำนักงานอยู่ที่กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตั้งแต่ปี 2542 กองทุนนี้ได้เริ่มลงทุนในบริษัทต่างๆในประเทศไทยเรื่อยมา ต่อมาในปี 2548 FNS ได้เปิดตัวกองทุน”เวียดนาม อิควิตี้ ฟันด์” ซึ่งมีกำหนดอายุกองทุน 10 ปี เพื่อลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับการแปรรูปจากองค์กรของรัฐก่อนที่บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ดี ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเอเชียในปี 2540 ได้เปิดโอกาสให้ FNS ก้าวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ทางด้านให้บริการปรับโครงสร้างหนี้และองค์กร ส่งผลให้ FNS จัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ขึ้นอีก 1 หน่วยและประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงที่ได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งต่อมาคือ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด โดยในภายหลังได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2552 บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ได้นำหน่วยธุรกิจด้านซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเข้าร่วมกิจการกับบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) เกิดเป็นบริษัทใหม่ คือบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โดยมี FNS เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แต่เพียงรายเดียว ซึ่งดำเนินธุรกิจจนได้เป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงอยู่ใน 3 ลำดับต้นของตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยที่ FNS ยังคงประกอบธุรกิจวาณิชธนกิจต่อไปภายใต้บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า
หลังจากที่กลุ่ม FNS ได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2545 FNS ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การให้บริการทางการเงินด้วยการเข้าซื้อใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเงิน (บริษัทเงินทุน ฟินันซ่า จำกัด) และซื้อกิจการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงเทพธนาธร จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด การขยายธุรกิจของกลุ่มเข้าสู่ธุรกิจให้บริการทางการเงิน โดยเป็นบริษัทอิสระที่ไม่เป็นเครือธนาคารนั้น ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องมุมมองและการรับรู้จากด้านกฎระเบียบ ตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ช่วงวิกฤตทางการเงินโลกยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ทำให้เกิดต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นทางด้านที่เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีและการกำกับดูแล หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 ฝ่ายบริหาร FNS ได้ตัดสินใจยุติธุรกิจทางการเงินและธุรกิจจัดการกองทุนภายในประเทศทั้งหมด สำหรับธุรกิจบริหารกองทุนต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกด้วยเช่นกัน และการระดมทุนจากนักลงทุนต่างประเทศต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายบริหารจึงได้ตัดสินใจในปี 2557 ที่จะดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนโดยตรงโดยใช้เงินทุนของบริษัทเอง ธุรกรรมลงทุนที่สำคัญชุดแรก คือการลงทุนในบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) และบริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด
ฝ่ายบริหาร FNS เล็งเห็นโอกาสของการลงทุนในรูปแบบ “Private Equity”และศักยภาพที่จะสามารถสร้างรายได้ที่มีคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ จึงนำไปสู่การตัดสินใจในการจำหน่ายบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ออกไป เพราะรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจนั้น ไม่มีความแน่นอน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจประเภทนี้ และเห็นว่าเงินทุนที่ใช้ไปในธุรกิจเหล่านั้น หากนำไปใช้ลงทุนในกิจการอื่นน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า ทั้งนี้ FNS ได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดในบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)ในเดือนธันวาคม ปี 2564 และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในเดือนพฤกษภาคม ปี 2565 หลังจากนั้น FNS จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
เริ่มต้นจากการบริหารกองทุนขนาดเล็กที่มีเป้าหมายเพื่อการลงทุนโดยตรงในประเทศไทยและประเทศแถบอินโดจีน โดยพัฒนาการก้าวแรกเกิดขึ้นในปี 2534 ด้วยการเข้าซื้อกิจการในบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตสัมปทานเหมืองทองคำในประเทศเวียดนามซึ่งยังไม่เปิดดำเนินการ ทั้งนี้ การลงทุนครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในการลงทุนแรกๆจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนามหลังจากที่รัฐบาลเวียดนามนำนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจการค้าเสรีมาปรับใช้ (“Doi Moi”) โดยต่อมาภายหลัง เจ้าของสัมปทานเหมืองได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการขายกิจการให้แก่ มิสเตอร์ โรเบิร์ต ฟรีดแลนด์ ผู้ซึ่งมาขับเคลื่อนธุรกิจเหมืองทองต่อไปภายใต้ชื่อบริษัท อินโดไชน่า โกลด์ฟิลด์ จำกัด ประสบการณ์ในประเทศเวียดนามครั้งนี้ นำไปสู่การระดมทุนจัดตั้งกองทุนอีกครั้งหนึ่งชื่อ กองทุน เวียดนาม ฟรอนเทียร์ ฟันด์ ซึ่งมีมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ดำเนินการโดยบริษัทข้ามชาติ (Greenfield investments)ในประเทศเวียดนาม และตามด้วยการออกกองทุนใหม่เพื่อการลงทุนโดยตรงในภูมิภาคอินโดจีน มูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2539 ชื่อว่า กองทุน สยาม อินเวสเมนท์ ฟันด์ (“SIF”) แต่เนื่องจากเกิดเหตุวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียในปี 2540 ทำให้บรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ข้อกำหนดในการลงทุนของกองทุน SIF ต้องปรับเปลี่ยนไปเน้นการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คุณภาพสูง ที่มีภาวะปัญหาทางการเงิน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ มีมูลค่าหุ้นต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยธุรกรรมลงทุนครั้งแรกของ SIF คือการเป็นผู้ลงทุนรายหลักในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ระดมทุนเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท (ดูเพิ่มเติมจาก”การลงทุนที่ผ่านมา”) สืบเนื่องจากความสำเร็จของกองทุน SIF ที่สร้างผลตอบแทนได้ในอัตราสูงจากการสนับสนุน “เงินทุนเพื่อทางออกของธุรกิจ” “Solution Capital” ให้แก่บริษัทต่างๆ หลังจากนั้น FNS ยังเดินหน้าต่อไปด้วยการออกกองทุนใหม่ “สยาม อินเวสเม้นท์ ฟันด์ 2 แอล.พี.” มูลค่า 56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันกับกลุ่มนักลงทุน บริษัท แคปปิตอล ซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งใหม่ในเครือของกลุ่มบริษัท ซูริค (Zurich Group) มีสำนักงานอยู่ที่กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตั้งแต่ปี 2542 กองทุนนี้ได้เริ่มลงทุนในบริษัทต่างๆในประเทศไทยเรื่อยมา ต่อมาในปี 2548 FNS ได้เปิดตัวกองทุน”เวียดนาม อิควิตี้ ฟันด์” ซึ่งมีกำหนดอายุกองทุน 10 ปี เพื่อลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับการแปรรูปจากองค์กรของรัฐก่อนที่บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ดี ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเอเชียในปี 2540 ได้เปิดโอกาสให้ FNS ก้าวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ทางด้านให้บริการปรับโครงสร้างหนี้และองค์กร ส่งผลให้ FNS จัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ขึ้นอีก 1 หน่วยและประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ช่วงที่ได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งต่อมาคือ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด โดยในภายหลังได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2552 บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ได้นำหน่วยธุรกิจด้านซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเข้าร่วมกิจการกับบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) เกิดเป็นบริษัทใหม่ คือบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โดยมี FNS เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แต่เพียงรายเดียว ซึ่งดำเนินธุรกิจจนได้เป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงอยู่ใน 3 ลำดับต้นของตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยที่ FNS ยังคงประกอบธุรกิจวาณิชธนกิจต่อไปภายใต้บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า
หลังจากที่กลุ่ม FNS ได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2545 FNS ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การให้บริการทางการเงินด้วยการเข้าซื้อใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเงิน (บริษัทเงินทุน ฟินันซ่า จำกัด) และซื้อกิจการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงเทพธนาธร จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด การขยายธุรกิจของกลุ่มเข้าสู่ธุรกิจให้บริการทางการเงิน โดยเป็นบริษัทอิสระที่ไม่เป็นเครือธนาคารนั้น ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องมุมมองและการรับรู้จากด้านกฎระเบียบ ตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ช่วงวิกฤตทางการเงินโลกยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ทำให้เกิดต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นทางด้านที่เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีและการกำกับดูแล หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 ฝ่ายบริหาร FNS ได้ตัดสินใจยุติธุรกิจทางการเงินและธุรกิจจัดการกองทุนภายในประเทศทั้งหมด สำหรับธุรกิจบริหารกองทุนต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกด้วยเช่นกัน และการระดมทุนจากนักลงทุนต่างประเทศต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายบริหารจึงได้ตัดสินใจในปี 2557 ที่จะดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนโดยตรงโดยใช้เงินทุนของบริษัทเอง ธุรกรรมลงทุนที่สำคัญชุดแรก คือการลงทุนในบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) และบริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด
ฝ่ายบริหาร FNS เล็งเห็นโอกาสของการลงทุนในรูปแบบ “Private Equity”และศักยภาพที่จะสามารถสร้างรายได้ที่มีคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ จึงนำไปสู่การตัดสินใจในการจำหน่ายบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ออกไป เพราะรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจนั้น ไม่มีความแน่นอน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจประเภทนี้ และเห็นว่าเงินทุนที่ใช้ไปในธุรกิจเหล่านั้น หากนำไปใช้ลงทุนในกิจการอื่นน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า ทั้งนี้ FNS ได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดในบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)ในเดือนธันวาคม ปี 2564 และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในเดือนพฤกษภาคม ปี 2565 หลังจากนั้น FNS จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
โครงสร้างของกลุ่มบริษัท


100.0%
36.6%
50.0%
30.0%
100.0%
บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด
- ดำเนินกิจการศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม รักษ บางกระเจ้า
- ดำเนินกิจการศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม อาร์เอ็กซ์วี สามพราน
บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)
- เป็นผู้พัฒนาอาคารคลังสินค้าเพื่อเช่าผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100
บริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด
- เป็นผู้พัฒนาอาคารศูนย์กระจายสินค้ากลางขนาดพื้นที่ 88,000 ตรม.เพื่อให้เช่า แก่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด
บริษัท ขนม คาเฟ่ จำกัด
- ดำเนินธุรกิจเชนร้านคาเฟ่ อาหารและเบเกอรี่ ภายใต้แบรนด์ “ Kanom”
บริษัท ฟินันซ่า ฟันด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด
- ประกอบธุรกิจการลงทุนในรูปแบบกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity)
- บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)
คณะกรรมการบริษัท ฯ
คณะกรรมการบริหาร
คณะกรรมการตรวจสอบ
คณะผู้บริหารของ
กลุ่มบริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ลำดับ | รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ | จำนวนหุ้น | เปอร์เซ็นต์ที่ถือหุ้น |
---|---|---|---|
1 | นาย วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ | 247,587,922 | 49.45 |
2 | ม.ล. สุทธิมาน โภคาชัยพัฒน์ | 42,000,000 | 8.39 |
3 | นาย วชิระ ทยานาราพร | 17,600,000 | 3.52 |
4 | นาย วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต | 14,750,000 | 2.95 |
5 | บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) | 10,000,000 | 2.00 |
6 | น.ส. ญาสินี อภิธโนทัย | 8,527,200 | 1.70 |
7 | นายวุธการ จิรอลงกรณ์ | 6,605,700 | 1.32 |
8 | นางประกายคำ ใบแก้ว | 6,302,000 | 1.26 |
9 | บริษัท ไทยเอ็นอีดีอาร์ จำกัด | 3,681,480 | 0.74 |
10 | นายระเฆียร ศรีมงคล | 3,500,000 | 0.70 |
11 | ผู้ถือหุ้นอื่น | 140,096,763 | 28.00 |
รวม | 500,651,065 | 100.00 | |
บริษัทได้ปฎิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดมาโดยตลอด โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีการติดตามการปฎิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีดังกล่าวเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้คณะกรรมการจะได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายและปฎิบัติตามนโยบายดังกล่าวเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
หลักการกำกับดูแลกิจการ
หลักปฎิบัตินี้มีจุดมุ่งหมายในการให้แนวทางสำหรับการปฎิบัติและการดูแลพนักงานของบริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (กลุ่มบริษัท) ประเด็นที่กล่าวถึงและนโยบายที่ได้วางไว้ในที่นี้มีลักษณะเป็นเพื่อการปฎิบัติตามกฎระเบียบและการดูแล หลักปฎิบัตินี้ไม่ได้เป็นบทสรุปหรือสิ่งทดแทนกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ควบคุมกิจกรรมของกลุ่มบริษัท
ข้อบังคับ
จรรยาบรรณทางธุรกิจ
นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน
เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการปลุกจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริต บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)จึงได้จัดทำนโยบายการต่อต้านการคอร์รัปชั่นขึ้นภายในองค์กรทั้งนี้เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะบริหารงานด้วยความโปร่งใสและสร้างสังคมที่ดีในประเทศไทย
นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน
แจ้งเบาะแสการคอร์รัปชัน
แนวการปฎิบัติงาน
แนวปฏิบัติงานการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัว และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทจะดำเนินการในการเก็บรวบรวม การจัดเก็บ การใช้ การเปิดเผย การส่ง และการโอนข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทัั้ง คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล